วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ประเภทของครีมกันแดด ประสิทธิภาพของครีมกันแดด


ประเภทของครีมกันแดด
          ครีมกันแดดมีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้คือ
1. Chemical Sunscreen
2. Physical Sunscreen

3. แบบผสม Chemical-Physical Sunscreen
          เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมี ทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีแสงแดดเข้าไว้ในผิว ไม่ให้ผ่านไปกระทบผิว สารกันแดดประเภทนี้จะยึดติดกับผิวได้ดี แต่หลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้อาจเสื่อมสภาพ นั่นคือสาเหตุที่เราจึงต้องทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
          เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสาร ที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนังได้ ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่า และเมื่อทาบนผิวหนังแล้วจะเคลือบบนผิวหนังชั้นบน เพื่อรอแสงกระทบ

เป็นการเสริมข้อดี ลดข้อด้อยในแต่ละส่วน

ข้อดี: กันแสงได้บางช่วงคลื่นเท่านั้น (ขึ้นอยู่กันสารเคมีที่ใช้) ราคามักถูกกว่า
เวลาทาหน้าจะไม่ขาววอกมาก 

ข้อดี: กันแสงได้หลายช่วงคลื่น
ทั้ง UVA, UVA Visible Light และ Infrared
โอกาสแพ้มีน้อย ก่อให้การอุดตันหรือระคายเคืองน้อย
ทาแล้วไม่รู้สึกเหนียวเหนอะ
ลดการระคายเคืองต่อผิวหนังจากสารประเภทสารเคมี
และลดความขาวเมื่อทาครีมทา
แล้วดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ข้อด้อย : หากเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมาก อาจเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย
ข้อด้อย : ไม่สามารถให้ SPF ที่สูงๆ ขนาด 80-100 ได้
บางยี่ห้อทาแล้วหน้ามักดูขาวขึ้น


ประสิทธิภาพของครีมกันแดด
          ในแสงแดดมีรังสีอยู่หลายชนิด ที่รู้จักกันดีก็คือ อุลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งรังสีนี้จะถูกดูดซับโดยชั้นโอโซน มีแค่ UVAและ UVB ที่ลงมาถึงพื้นโลก ซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลต่อผิวหนังโดยเฉพาะ UVA มีผลทำให้เกิด กระ ฝ้า เหี่ยว แก่ก่อนวัย UVB มีผลทำให้เกิดการ แดง แสบ ไหม้ ของผิวหนัง และรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายโปรตีนพันธุกรรมทำให้เกิดเนื้องอกผิวหนังได้
SPF =  ค่าความสามารถในการป้องกันรังสี UVB
                     [ทำลายชั้นผิวด้านบนๆ -> หมองคล้ำ ผิวไหม้แดด ฝ้า กระ มะเร็งผิวหนัง]
PA =  ค่าความสามารถในการป้องกันรังสี UVA
                     [ทะลุลงไปถึงชั้นหนังแท้ -> ริ้วรอย เหี่ยวย่นก่อนวัย]
SPF (Sun Protection Factor) ค่านี้ หมายถึงว่า
            เมื่อทาครีมกันแดดแล้วทำให้ผิวทนต่อแสงแดด ไม่เกิดอาการแสบ แดงหรือไหม้ได้นาน เป็นกี่เท่าของผิวปกติที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด ยกตัวอย่าง เช่น หากเราอยู่กลางแจ้ง หรือโดนแดดประมาณ  25 นาที ผิวจะเริ่มแดงเมื่อใช้ครีมกันแดด SPF 15 จะสามารถปกป้องผิวได้นาน 15 เท่า คิดเป็นเวลาได้นาน 25x15 =375 นาที หรือประมาณ 6 ชั่วโมง                 
มีผลจากการวิจัยว่า
SPF 2   ปกป้อง UVB ได้  50%
SPF 10  ปกป้องได้  UVB 85%
SPF 15  ปกป้องได้  UVB 95%
SPF 30-50 ปกป้องได้  UVB 97%
ส่วนค่า PA (Protection Factor For UVA) บอกถึงประสิทธิภาพป้องกัน UVA คือ มีค่าแสดงจาก น้อย (+) ถึงมาก (+++) ดังนั้นครีมกันแดด ที่มีค่า pa สูง(+++) ก็จะช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและรอยคล้ำบริเวณผิวจาก UVA ได้

        


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น